LINE เปลี่ยนแถบเมนู “Wallet” ใหม่ที่จะช่วยชำระเงินผ่าน QR code ได้ที่ร้านค้ากว่า 50,000 ร้านทั่วประเทศ โอนเงินให้เพื่อนใน LINE โดยไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆ ชำระบิลค่าสาธารณูปโภคต่างๆ กว่า 78 รายการ (ค่าไฟฟ้า, ค่าน้ำ, ค่าโทรศัพท์มือถือรายเดือน, ค่าบัตรเครดิต เป็นต้น)
เติมเงิน Easy Pass ซื้อตั๋วหนังเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ โดยสามารถซื้อตั๋วหนังจากโรงภาพยนตร์ระบบมัลติเพล็กซ์ พร้อมด้วยโปรโมชันสุดพิเศษรับเงินคืนสูงถึง 20% สำหรับผู้ซื้อตั๋วหนังเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ผ่าน Rabbit LINE Pay และสินค้า/บริการอื่นๆ ที่สามารถชำระผ่าน Rabbit LINE Pay อีกมากมาย โดยสามารถทำได้ง่ายๆ ผ่าน LINE
นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถเข้าใช้งานบริการอื่นๆ ของ LINE ผ่านหน้าบริการ Wallet นี้ได้เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าซื้อสติกเกอร์ไลน์ในร้านสติกเกอร์, ซื้อธีมไลน์ในร้านธีม, หาร้านค้า LINE@ ที่อยู่ใกล้เคียงในฟีเจอร์ Nearby รวมถึงเข้าใช้บริการ LINE TV, LINE MAN และเกมต่างๆ ของ LINE ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ LINE ยังคำนึงถึงประโยชน์ของผู้ใช้งานเป็นหลัก ด้วยการนำเอารายการคูปองจากร้านค้า LINE@ ต่างๆ โชว์ให้ผู้ใช้สามารถนำคูปองใน LINE นี้มาเป็นส่วนลดหรือสิทธิพิเศษตามร้านค้านั้นๆ ได้สะดวกขึ้นอีกด้วย แถบเมนู อื่นๆ (More) จะเปลี่ยนเป็นแถบเมนู Wallet โดยอัตโนมัติสำหรับผู้ใช้งาน LINE เวอร์ชั่น 8.13.0 ขึ้นไป
อริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากการประกาศร่วมทุนระหว่างLINE Pay, Rabbit ผู้นำด้านไมโครเพย์เมนท์และ mass transit อันดับ 1 กับ AIS ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่อันดับ1 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Rabbit LINE Pay มียอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 3 ล้านคน สู่ 4.5 ล้านคน
เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 50% ภายในช่วงเวลา 6 เดือน และอีกไม่นานนี้ด้วยการผลักดันของ LINE ผ่าน Rabbit LINE Pay ในการนำเอาการชำระเงินที่อยู่ในมือของคนไทยทุกคน และเปรียบเสมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว นำพาประเทศไทยเข้าสู่ยุดแห่งสังคมไร้เงินสดอย่างเต็มรูปแบบ
กระแสตลาดโซเชียลคอมเมิร์ซในประเทศไทยที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน ทำให้รูปแบบการชำระเงินระหว่างลูกค้าไปสู่พ่อค้า/แม่ค้าส่วนใหญ่เป็นการชำระเงินผ่าน Mobile Banking หรือการโอนเงินผ่านธนาคารบนมือถือ จากสถิติของธนาคารแห่งประเทศไทย
แสดงให้เห็นว่าธุรกรรมผ่าน Mobile Banking ในประเทศไทย ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2561 มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมาถึง 130% ในขณะที่ตลาดโซเชียลคอมเมิร์ซถือเป็น 40% ของตลาดอีคอมเมิร์ซ (ETDA, 2560)
ธุรกรรมส่วนใหญ่ในตลาดโซเชียลคอมเมิร์ซ ซึ่งมีมูลค่าเกินกว่า 6 หมื่นล้านบาท (1,800 ล้านเหรียญสหรัฐ) ล้วนเป็นการโอนเงินแบบ P2P (Person-2-Person) หรือการโอนเงินระหว่างบุคคล จากผู้ซื้อไปยังผู้ขายแทบทั้งสิ้น