ไม่สนรถยนต์ไฟฟ้าไทยยังไม่พร้อม เพราะบีเอ็มดับเบิลยูเตรียมทุกระบบพร้อมมาก

บีเอ็มดับเบิลยู

โรงงาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง ได้ประกอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูครบ 100,000 คันไปแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ และล่าสุดยังได้ได้มีการประกาศที่จะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องตามตลาดโลกอย่างกระชั้นชิด

นับเป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นว่ารถหรูแบรนด์นี้กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับในปีนี้ที่บีเอ็มดับเบิลยูยังได้เตรียมมุ่งเน้นโปรแกรมทางการเงิน ที่เพิ่งเปิดให้บริการไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมาให้เข้มข้นมากขึ้น

ในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้านั้นแม้ขณะนี้จะยังไม่พูดอย่างเต็มปากว่าจะพร้อมประกอบเมื่อไร แต่เมื่อดูจากยอดขายรถยนต์ในกลุ่มปลั๊กอินไฮบริดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด ให้เลือกมากถึง 4 รุ่น มีอัตราการเติบโตถึง 13% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าแล้ว

ในปีนี้บีเอ็มดับเบิลยูยังได้ตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตสูงถึง 20% และยังได้เตรียมดำเนินรอยตามกลยุทธ์ระดับโลกของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป คือมุ่งสู่การใช้พลังงานไฟฟ้า ด้วยเตรียมความพร้อมสำหรับแบตเตอรี่แรงดันสูง พร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำยุคอื่นๆ ภายในปี 2562

นายสเตฟาน ทอยเชอร์ต ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับในปีนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ได้เตรียมโปรแกรมอบรมและพัฒนาบุคลากรเพื่อการประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูง (HVB) โดยพนักงานจะได้เข้าร่วมการอบรมซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศเยอรมนี

ภายใต้ความดูแลของผู้เชี่ยวชาญระดับโลกจากบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เพื่อพัฒนาทักษะพิเศษสำหรับการประกอบแบตเตอรี่ ซึ่งโปรแกรมอบรมทักษะพิเศษนี้จะครอบคลุมทั้งความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์และกระบวนการที่ล้ำหน้าต่างๆ

บีเอ็มดับเบิลยู

เช่น การเชื่อมด้วยเลเซอร์ การเตรียมพื้นผิววัสดุด้วยพลาสมา วิทยาการหุ่นยนต์ และการทดสอบไฟฟ้าแรงสูง โดยก่อนหน้านี้ มีพนักงานจำนวนหนึ่งที่ได้เข้ารับการอบรมภายใต้หลักสูตรนี้ในประเทศเยอรมนี จนสำเร็จหลักสูตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นอกจากแบตเตอรี่แรงดันสูงแล้ว บีเอ็มดับเบิลยูยังเปิดตัวนวัตกรรมเทคโนโลยีอีกหลายชนิด เพื่อยกระดับความเชี่ยวชาญ คุณภาพ และความประณีตในสายการผลิต ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการผลิตแบบ Additive Manufacturing หรือการพิมพ์แบบสามมิติ เพื่อการผลิตชิ้นส่วนตามความต้องการเฉพาะของลูกค้า

หรือการนำหุ่นยนต์มาใช้งานในโรงงาน เพื่อพัฒนาระบบสนับสนุนการผลิตที่ยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีเสมือนจริงแบบ 3D และ AR ช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมในการทำงานที่มีความล้ำสมัยให้แก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิต โดยจะช่วยลดปริมาณงานที่ต้องใช้กำลังมากหรืออาจก่อให้เกิดปัญหาทางสรีระลง ทั้งยังเพิ่มโอกาสให้เจ้าหน้าที่สามารถใช้ทักษะความเชี่ยวชาญได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

“ตลาดรถยนต์อีวีในเมืองไทยยังติดเรื่องซัพพลายเน็ตเวิร์ก ที่ยังไม่มีและต้องใช้เวลาหน่อย เพราะบีเอ็มดับเบิลยูตั้งใจที่จะนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตอันใกล้นี้อยู่แล้ว แต่ตลาดยังไม่เติบโต ดังนั้นขณะนี้ต้องสร้างการรับรู้ให้กับลูกค้าก่อน ด้วยการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่มานำเสนอ

เพราะประสบการณ์ลูกค้าสำคัญที่สุด การจะสร้างการรับรู้จะต้องเป็นการนำเข้ามาก่อน ผ่านทางภาษีของบีโอไอ ก่อนที่จะวางแผนการประกอบในเมืองไทย”

นายสเตฟาน กล่าวว่า การนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ นั้น เนื่องจากบีเอ็มดับเบิลยูมีอัตราการเติบโตมากกว่าตลาด และเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรานำอินโนเวชันต่างๆ เข้ามามากขึ้น รวมไปถึงยังได้ลงทุนเพิ่มอีก 400 ล้านบาทในปีนี้ เพื่อทำการขยายโรงงานเพื่อรองรับการผลิต

โดยในปี 2560 ยอดขายของบีเอ็มดับเบิลยูโตขึ้น 43% สูงสุดในเครือข่ายบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลก สามารถส่งมอบรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และมินิ รวมสูงสุดกว่า 11,030 คัน คิดเป็นอัตราการเติบโตทั้งกลุ่มต่อปีที่ 39% และถือเป็นครั้งแรกที่สร้างสถิติยอดขายรวมต่อปีด้วยตัวเลขหลักหมื่น

สำหรับยอดขายในเดือนมกราคม 2561 ที่ผ่านมานั้นก็สูงขึ้นจากปีก่อนหน้า 10% สร้างสถิติยอดการส่งมอบรวมสูงสุด 816 คัน เช่นเดียวกับที่บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด สามารถเติบโตขึ้นถึง 36% ด้วยยอดการส่งมอบมอเตอร์ไซค์รวม 150 คันในเดือนเดียวกัน ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยูมั่นใจว่าตลาดรถหรูจะยังสามารถเติบโตได้อีก

เพราะในปัจจุบันมีขนาดตลาด อยู่ที่ 5% ของรถนั่งรวมทั้งตลาดหรือประมาณ 25,000 คัน ถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับยุโรปที่มีตลาดรถหรูมีขนาดตลาดถึง 30% ดังนั้นสำหรับในปีนี้นอกจากบีเอ็มดับเบิลยูจะได้เตรียมส่งรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดแล้ว ยังได้เตรียมโปรแกรมทางการเงินที่ดึงดูดใจอีกด้วย

บีเอ็มดับเบิลยู

ด้านนาย บียอร์น แอนทอนส์สัน ประธานกรรมการบริหาร บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย กล่าวว่าในปี 2560 ที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ได้นำเสนอบริการผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ BMW FREEDOM CHOICE ที่มาพร้อมการรับประกันมูลค่ารถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในอนาคตตั้งแต่วันแรกของระยะเวลาสัญญา

เปิดทางเลือกให้แก่ลูกค้าในการจัดการกับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาสัญญา ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเป็นเจ้าของรถยนต์ BMW อย่างสมบูรณ์แบบ หรือการเริ่มต้นสัญญาใหม่สำหรับรถยนต์คันใหม่

“ในปีที่ผ่านมามูลค่าสินเชื่อในพอร์ตโดยรวมของเรา ถือว่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2560 ที่มูลค่า 4.04 หมื่นล้านบาท ในขณะที่ยอดสินเชื่อลูกค้าใหม่ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ก็เพิ่มขึ้นถึง 22% หรือคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 1.25 หมื่นล้านบาทในปีที่ผ่านมา

ดังนั้นในปีนี้บีเอ็มดับเบิลยูจะได้สานต่อความสำเร็จดังเช่นที่ผ่านมา ด้วยบริการทางการเงินใหม่ ๆที่น่าตื่นตาตื่นใจ เพื่อดึงลูกค้าให้เข้ามามากขึ้น”

นายเจฟฟรีย์ กอดิอาโน กรรมการผู้จัดการและประธานบริหาร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย กล่าวว่า ทั้งนี้ในส่วนของโรงงานผลิตนั้น ที่ผ่านมาได้ประสบความสำเร็จในการไม่ทิ้งวัสดุเหลือใช้สู่สิ่งแวดล้อม (Zero waste) ในปี 2559 การนำเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกมาปฏิบัติใช้

เพื่อสนับสนุนให้เกิดการผลิตพลังงานไว้ใช้เองและยังช่วยสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนในระยะยาวทั่วพื้นที่โดยรอบของโรงงาน นอกจากนี้ด้วยสปิริตของทีมงานของเราช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพในการผลิต ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

และทำให้เราได้รับความไว้วางใจในฐานะหนึ่งในโรงงานที่มีความสามารถในการปรับตัวมากที่สุดในเครือข่ายการผลิตของ BMW ด้วยทักษะ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของเจ้าหน้าที่ทุกคน

สำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ที่เตรียมเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์เดือนมีนาคมนี้ ประกอบด้วย BMW X2 ใหม่ BMW 530i Touring M Sport, BMW M4 CS และ BMW M5 ด้าน BMW มอเตอร์ราด เปิดตัว BMW F 800 R, BMW S 1000 R, BMW S 1000 XR, BMW R 1200 GS และ BMW R 1200 GS Adventure ที่มาพร้อมนวัตกรรมการเชื่อมต่อใหม่ล่าสุด ‘Connected Ride’

banner Sample

Related Posts