จับตา POMO HOUSE หวนคืนไทย หลังสำเร็จในอเมริกา

POMO HOUSE

POMO HOUSE
นายฉัตรชัย ตั้งจิตตรง CEO/Co Founder บริษัท PMH Holding Co.ltd

หากจำกันได้ราวปี 2015 กระแสของสมาร์ทวอชท์เริ่มเกิดขึ้น ผู้สวมใส่เริ่มถามหาสุขภาพมากขึ้น แต่กระนั้นก็มีอยู่แบรนด์หนึ่งที่ประกาศชัดเจนว่าเป็นโซลูชั่นสมาร์ทวอชท์เพื่อเด็กโดยเฉพาะ ซึ่งนั่นก็คือแบรนด์ POMO HOUSE ที่เบื้องหน้าเป็นนาฬิกาสีสันสดใส แต่เบื้องหลังกลับสามารถช่วยให้ผู้ปกครองเฝ้าระวังบุตรหลานและรับการแจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุร้ายได้อย่างทันท่วงที แม้ว่าในวันนั้นจะยังเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม เมื่อการที่เด็กต้องนำอุปกรณ์เข้าไปโรงเรียนยังเป็นสิ่งต้องห้าม จึงทำให้กระแสของการดูแลความปลอดภัยเด็กด้วยสมาร์ทวอชท์แผ่วเบาลง

มาวันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป สมาร์ทวอทช์กลายเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือสำคัญในการเก็บค่าตัวแปรที่ตอบโจทย์ได้ทั้งเรื่องความปลอดภัย สุขภาพ และการสื่อสาร และ TheReporterAsia ก็ได้มีโอกาสเจอคุณฉัตรชัย ตั้งจิตตรง ผู้ก่อตั้งแบรนด์ POMO House ที่บอกเลยว่าวันนี้มีประสบการณ์ของการทำโซลูชั่นเพื่อการดูแลเด็กและผู้สูงวัยด้วยเทคโนโลยีมาอย่างโชกโชน

นายฉัตรชัย ตั้งจิตตรง CEO/Co Founder บริษัท PMH Holding Co.ltd ผู้พัฒนาสมาร์ทวอชท์ POMO เปิดเผยกับเราว่า หลังจากที่เริ่มทำตลาดนาฬิกา POMO ในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ POMO HOUSE ในราวปี 2015 ซึ่งเป็นนาฬิกาที่เข้ามาช่วยตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยของเด็กและผู้สูงวัยโดยเฉพาะ ช่วยให้สามารถสร้างขอบเขตพื้นที่เพื่อแจ้งเตือนเมื่อเกิดการออกนอกเขตของเด็กได้ หรือแม้กระทั่งการสื่อสารระหว่างผู้ปกครองและเด็กที่สวมใส่ผ่านสมาร์ทวอชท์ ซึ่งก็ถือว่าเป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่ตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยโดยเฉพาะ

แต่ด้วยข้อจำกัดของการใส่นาฬิกาเข้าไปในโรงเรียนสมัยนั้น ยังไม่อนุญาติให้ใส่นาฬิกาเข้าไปในโรงเรียนได้ อีกทั้งเด็กเล็กที่ยังไม่ชินกันการสวมใส่สมาร์ทวอชท์ตลอดเวลา รวมทั้งเรื่องของเทคโนโลยีเครือข่าย และอีกหลากหลายเหตุผลที่ส่งผลให้ยังไม่พร้อมในการทำตลาด ทำให้เราไม่ประสบความสำเร็จในเมืองไทยเท่าที่ควร ประจวบเหมาะกับการที่เรามีโอกาสได้พาร์ทเนอร์ในต่างประเทศทำให้เราหันเหธุรกิจออกสู่ต่างประเทศ

POMO HOUSE

จุดเปลี่ยนของการเดินทางไปสู่อเมริกา

ด้วยในช่วงปี 2017 เราได้ประสบความสำเร็จในการเปิดตัวโครงการ POMO ในแพลตฟอร์ม Kickstarter ทำให้เราได้เงินทุนมาก้องหนึ่ง และยังสามารถเชื่อมต่อกับพาร์ทเนอร์จากทั่วโลกที่มองเห็นโอกาสเหมือนกัน ซึ่งก็เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ทำให้เราทุ่มเทการทำงานไปที่ต่างประเทศ โดยได้ร่วมกับพาร์ทเนอร์จัดตั้งบริษัท POMO HOUSE INTERNATIONAL LLC ในประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อทำตลาดในทวีปอเมริกาทั้งหมด โดยมีบริษัท PMH Holding Co.ltd ถือหุ้นฝั่งคนไทยอยู่ด้วย

เราทุ่มเททีมงานเกือบทั้งหมดที่มีเพื่อสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ทั้งในเม็กซิโก และสหรัฐอเมริกา รวมทั้งยุโรป ซึ่งก็มีบางแห่งที่ประสบความสำเร็จและบางแห่งที่ไม่ประสบความสำเร็จ ก็ต้องถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี และเราก็ปรับตัวตามสถานะการณ์ได้ดี

เนื่องจาก POMO เป็นสินค้าที่จะต้องสร้างความเข้าใจให้กับตลาดเป็นอย่างมาก ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในสหรัฐก็เกิดจากความสามารถของพาร์ทเนอร์เราที่ช่วยกันสร้างการรับรู้ให้ตล่าดมีความเข้าใจในสินค้าเป็นอย่างดี ขณะที่ในยุโรปเรากลับไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากมีมาตรฐานหลากหลายมากมายที่เราจะต้องลงทุน และพาร์ทเนอร์ก็ต้องใช้การลงทุนมหาศาล ซึ่งเราก็เลยต้องยอมถอยเมื่อได้ลองสักพักใหญ่

ขณะเดียวกันที่เม็กซิโก ในตอนแรกเราก็โดนกำแพงกั้นไม่ต่างจากที่เมืองไทย นั่นก็คือ POMO ถูกมองเป็นเรื่องของสินค้าแฟชั่น แล้วก็ทำให้ถูกห้ามใส่ในโรงเรียน แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้สถานการณ์เปลี่ยน ซึ่งมาจากการเกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรงมาก ทำให้การติดต่อสื่อสารไม่สามารถทำได้ ซึ่งก็ทำให้ผู้ปกครองเป็นกังวลว่าบุตรหลานที่ไปเรียนจะเป็นอย่างไร มันเลยกลายเป็นเรื่องที่ไปกดดันโรงเรียนว่า อุปกรณ์ของเรา สามารถรองรับการสื่อสารตรงนี้ได้ และยังถูกออกแบบมาให้สามารถเปิดโหมดเฉพาะเพื่อไม่ให้รบกวนการเรียนได้อีกด้วย

เราก็เลยสามารถเปลี่ยนมุมมองของนาฬิกาแฟชั่นของเด็ก กลายมาเป็นอุปกรณ์จำเป็นเพื่อเฝ้าระวังเด็กได้ ซึ่งก็ทำให้ตลาดของเราในเม็กซิโกเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในด้านของอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยจากเหตุการณ์ทางธรรมชาติ หลังจากนั้นก็ทำให้เราได้เป็นพาร์ทเนอร์กับ Telcel ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคม ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ซึ่งมีผู้ใช้ราว 600 กว่าล้านรายทั่วโลก และมีบริการราว 10 กว่าประเทศในแถบละตินอเมริกา

ซึ่งเราก็ได้นำ POMO เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสินค้าที่ใช้เน็ตเวิร์กสำหรับเด็กบนโครงข่าย Telcel เพียงรายเดียว แบบ Excusive Partner แล้วเราก็เริ่มเพิ่มฟีเจอร์เข้าไปในอุปกรณ์ โดยมี Telcel ช่วยทำตลาด ทำให้เราเติบโตอย่างต่อเนื่อง เติบโตขึ้นกว่า 3-4 เท่าตัว จนมานิ่งช่วงที่เกิดเหตุการณ์โควิด-19 ซึ่งประเทศเม็กซิโกล็อกดาวน์ ทำให้เด็กหยุดไปโรงเรียน จึงทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ด้านความปลอดภัยในโรงเรียน

ทำให้เราก็ต้องมาคิดช่วยพาร์ทเนอร์ของเราในกลยุทธ์การปรับตัว โดยสร้างการรับรู้ว่าเมื่ออยู่บ้านแม้ว่าจะไม่ต้องการเรื่องความปลอดภัย แต่ก็ยังต้องการเรื่องสุขภาพ การมีสมาร์ทวอชท์จะเข้ามาช่วยในการติดตามเรื่องสุขภาพได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมช่วยเตือนให้เกิดการทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่องผ่านสมาร์ทวอชท์ของ POMO ได้ด้วย

โดยเราก็ได้ทำแคมเปญขึ้นมาชื่อว่า POMO Hoop ซึ่งเป็นแคมเปญที่ช่วยให้เด็กที่สวมใส่นาฬิกา ลุกขึ้นมาออกกำลังกายแข่งกัน แล้วเราก็เก็บสถิติ แล้วเปลี่ยนสถิติของกิจกรรมนั้นให้กลายเป็นเหรียญ โดยการเดิน 1,000 ก้าว จะสามารถแลกเหรียญได้ 1 คอยน์ สะสมคอยน์แล้วก็นำมาแลกของ ซึ่งก็ทำให้สถานการณ์กลับมากระเตื้องขึ้น

จุดเปลี่ยนของการกลายมาเป็น อุปกรณ์ช่วยกักตัว โควิด-19

เราเริ่มจากโครงการที่อเมริกา ซึ่งเรามีพาร์ทเนอร์ที่ชื่อ IGPS Tracker ที่เราช่วยทำระบบฮาร์ดแวร์ให้เขาทั้งหมด แต่จัดจำหน่ายภายใต้แบรนด์ IGPS เท่านั้น เนื่องจากตอนนั้นเขามีแบรนด์อยู่แล้ว และเราก็ไม่พร้อมที่จะลงทุนสร้างแบรนด์ใหม่ หลังจากทำงานร่วมกันมา ทาง IGPS ก้ได้โครงการบ้านผู้สูงอายุ ซึ่งก็เป็นการสร้างระบบเพื่อดูแลผู้สูงอายุโดยเฉพาะ และเราก็สร้างฮาร์ดแวร์และระบบที่เป็นดิจิทัลทั้งหมด ทั้งในส่วนของอุปกรณ์ แพลตฟอร์มวิเคราะห์ดาต้าที่ชื่อว่า Life Connect เพื่อนำไปใช้ในบ้านผู้สูงอายุนั้น โดยเริ่มทำที่บ้านผู้สูงอายุฟอริด้า ในเครือแกรนวิลล่า ซีเนียร์ ลีฟวิ่ง ซึ่งมีอยู่ทั้งหมดราว 20 กว่าแห่งในฟอริด้า แต่ละแห่งจะมีผู้สูงอายุราว 60-70 คน

ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ เครื่องมือของผู้ดูแลมีน้อยมาก และผู้ดูแลยังมีอัตราค่าแรงงานที่สูงมาก ดังนั้นแพลตฟอร์ม Life Connect จึงเข้าไปช่วยเป็นเครื่องมือดูแลผู้สูงอายุ ด้วยรูปแบบการทำหลากหลายส่วน โดยแบ่งเป็น 1.GEO Fence หรือพิกัดกำแพง เพื่อแจ้งเตือนการออกนอกพื้นที่ของผู้สูงอายุที่มีอาการอัลไซเมอร์เป็นต้น

2.เวลาที่ต้องการความช่วยเหลือเขาจะต้องได้รับการช่วยเหลือทันที และ 3. ข้อมูลด้านสุขภาพที่จะช่วยวิเคราะห์ด้านสุขภาพของผู้สูงอายุโดยเฉพาะ ซึ่งก็ตรงกับปณิธานของ POMO ตั้งแต่ก่อตั้งอยู่แล้วที่เราอยากจะเป็นโซลูชั่นด้านความปลอดภัยของเด็กและผู้สูงอายุอยู่แล้ว โดยเราจะเป็นโซลูชั่นที่ช่วยให้ผู้ปกครองสามารถดูแลเด็กและผู้สูงอายุได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น

โครงการนี้มีความคืบหน้าในการดำเนินงานไปแล้ว 20% ในฟอริด้า นอกจากนี้ยังมีบริการภายใต้ชื่อ Safetynet ที่ได้ร่วมกับสถานีตำรวจในบอสตันและฟอริด้า โดยจะเป็นบริการที่นำนาฬิกาที่สามารถอยู่ได้นาน 6 เดือน ให้ผู้สูงอายุในพื้นที่บอสตันและฟอริด้าสวมใส่ เมื่อมีการแจ้งผู้สูงอายุพลัดหลง เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถตรวจสอบได้จากระบบว่าผู้สูงอายุดังกล่าวอยู่ในตำแหน่งใด เพื่อจะได้เข้าช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที ซึ่งก็คาดว่าจะสามารถเปิดบริการระบบนี้ได้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้

มันก็เลยเป็นที่มาว่า เราสามารถพัฒนาและต่อยอด POMO ไปสู่เรื่องของการทำ GEO Fence ได้ แล้วล่าสุดในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ก็มีโครงการ Hotel Bubble บนเกาะเคย์แมน ซึ่งมีอยู่ 6 โรงแรมในเครือติดต่อเข้ามา โดยเขาต้องการช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถรองรับลูกค้าได้อย่างมั่นใจมากขึ้น โดยการทำ GEO Fence และ Health Report ในระหว่างที่โดนกักตัว แต่จะไม่รู้สึกว่าโดยกักตัว ด้วยการควบคุมผ่านระบบ GPS ทุกคนที่อยู่บนเกาะตลอดทั้ง 14 วันจะมีการรายงานสถานะตลอด

POMO HOUSE
แนวคิดการทำ GEO FANCE ณ ท่าเรืออ่าวปอ

ซึ่งเราไม่ได้รายงานว่าคุณอยู่ตรงไหน แต่เราต้องการรายงานเพียงแค่ว่า คุณออกนอกพื้นที่หริอเปล่าเท่านั้น ซึ่งเราเริ่มดำเนินการแล้ว 1 แห่ง ก็ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี แล้วเราก็เริ่มมาทำที่ อ่าวปอ ซึ่งเป็นท่าเรือที่จะใช้กักตัวนักท่องเที่ยวทางเรือตามนโยบายของรัฐ (Yacht Quarantine) โดยเมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติล่องเรือยอร์ชเข้ามาก็จะสามารถกักบริเวณในเรือได้เลย แต่ในแง่ของการทำก็จะมีเงื่อนไขที่แตกต่างจากการกักตัวในโรงแรมอยู่พอสมควร

แต่ด้วยเทคโนโลยี เราสามารถปรับใช้กับการกักบริเวณในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการทั้งในเรื่องของระยะเวลาอุปกรณ์ ความปลอดภัย โดยเราจะสามารถพัฒนาได้อย่างลงตัว ภายใต้ความร่วมมือในระดับ B2B ที่ครบถ้วนและครบทุกฟังก์ชั่น

อนาคตของ POMO ในการพัฒนาเพื่อคนไทย

วันนี้เราจะเริ่มแสดงให้เห็นถึงสมาร์ทวอชท์แบบฟูลฟังก์ชั่น ซึ่งจะช่วยให้ผู้ปกครองสามารถเก็บบิ๊กดาต้าของเด็กได้มากขึ้น นอกจากเรื่องของการจำกัดพื้นที่แล้ว ยังจะมีเรื่องของสุขภาพและพฤติกรรมของเด็กที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยให้ผู้ปกครองรับรู้ถึงพฤติกรรมของเด็ก รวมทั้งจะมีการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ร่วมกับหมอหรือบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อช่วยประเมินและวิเคราะห์พัฒนาการเติบโตของเด็กได้ตามหลักการแพทย์ ซึ่งเมื่อเกิดความผิดปกติขึ้น ผู้ปกครองจะสามารถแก้ไขได้ทันต่อการเติบโต

โดยพฤติกรรมอย่างละเอียด จะช่วยให้แพทย์ประเมินความสมบูรณ์พร้อม ของร่างกายและจิตใจเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้ผู้ปกครองสามารถดูแลเด็กได้อย่างละเอียดมากขึ้น ซึ่งก็เป็นทิศทางของ Health Technology ที่ POMO จะก้าวต่อไปในอนาคต

ผมคิดว่าข้อมูลสุขภาพจะกลายเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งเราคนไทยมีการใช้สมาร์ทวอชท์กันเยอะมาก แต่เราเก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้ที่ไหน แล้วทำไมจะต้องปล่อยให้คนต่างชาติเก็บข้อมูลด้านสุขภาพของคนไทยด้วย POMO จึงอยากเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างดาต้าเลคด้านสุขภาพของคนไทยให้กลับมาอยู่ในประเทศไทย แม้ว่าเราจะไม่สามารถทำด้วยตัวเองได้ทั้งหมด แต่เราก็หวังว่าวันหนึ่งเราจะสามารถบริหารจัดการข้อมูลด้านสุขภาพของคนไทยได้เอง เพื่อทำให้เกิดประโยชน์และประสิทธิภาพสูงสุดร่วมกัน

POMO HOUSE

ทั้งนี้คาดว่า POMO HOUSE จะเริ่มทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ภายใต้แบรนด์ POMO เริ่มจาก รุ่น W4x (ราคา 6,990 บาท) ซึ่งถือเป็นสมาร์ทวอช ติดตามตัวสำหรับเด็กรุ่นล่าสุด โดยมีฟังก์ชั้นที่น่าสนใจหลักๆคือ

Heart rate แสดงอัตราการเต้นของหัวใจของคนที่คุณรักอย่างแม่นยำ 24/7 เทคโนโลยี Quick touch ช่วยให้คุณดึงการอ่านอัตราการเต้นของหัวใจเพื่อให้แน่ใจว่าหัวใจ แข็งแรงและสุขภาพดีเสมอ

Blood Pressure ความดันโลหิต ตรวจจับการไหลเวียนของเลือดตลอดทั้งวันและบันทึกไว้ในแอปเพื่อให้คุณมีข้อมูลในเพื่อพัฒนาสุขภาพ ของเด็กๆให้ดีขึ้น

Sleep tracking ติดตามการนอนหลับ มีการติดตามการนอนหลับอัตโนมัติและแม่นยำ และจะให้ภาพรวมของการนอนหลับ เพื่อพัฒนาคุณภาพการนอนหลับและสร้างนิสัยการนอนหลับที่ดีสำหรับลูกๆของคุณ

FITNESS การออกกำลังกาย สร้างนิสัยที่ดีต่อสุขภาพตั้งแต่เนิ่นๆด้วยฟีเจอร์การออกกำลังกาย ฟีเจอร์นี้จะนับและติดตามจำนวนก้าว ของลูกทุกวันเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงและสุขภาพที่ดีของร่างกาย

banner Sample

Related Posts